Friday, October 25, 2013

ขับรถเที่ยว อำนาจเจริญ – เขมราฐ – นาตาล

ขับรถเที่ยว อำนาจเจริญ – เขมราฐ – นาตาล

วันนี้ก็จะมาเล่าถึงประสบการณ์การท่องเที่ยวโดยการขับรถ ก็จะเป็นเส้นทางจังหวัดอำนาจเจริญ อำเภอเขมราฐ แล้วก็กิ่งอำเภอนาตาลของ จังหวัดอุบลราชธานี สาเหตุที่เลือกเส้นทางนี้คือเป็นเส้นทางสายเดียวกัน สามารถเริ่มต้นที่ตัวเมืองจังหวัดอำนาจเจริญ เริ่มต้นกันที่แรก

สถานที่เราจะเดินทางไปก็คือ ศาสนสถาน พระมงคลมิ่งเมือง จะตั้งอยู่ถนนชยางกูร หรือทางไปจังหวัดมุกดาหาร ระยะทางก็ห่างจากใจกลางของจังหวัดอำนาจเจริญไม่เกิน 10 กิโลเมตร พระมงคลมิ่งเมืองก็จะอยู่ด้านซ้ายมือของเราถ้าเราขับรถมาจากตัวเมืองอำนาจ ช่วงนี้จะมีการบูรณะทางเข้า ก็ต้องเลยไปเข้าอีกทางหนึ่ง ซึ่งอยู่ถัดไปไม่ไกล ก็ขับรถเข้าไปประมาณไม่ถึง 1 กิโลเมตร ก็จะเห็นองค์พระใหญ่ตั้ง ตระหง่านอยู่ด้านหน้า ก็หาที่จอดรถได้เลย พื้นที่กว้างใหญ่มากครับ บวกกับความร่มรื่นของป่าไม้ที่ถือว่าสมบูรณ์มาก แล้วอีกอย่างเป็นป่าที่อยู่ในเมืองทำให้เกิดความสดชื่นมากๆ ถ้าใครต้องการอากาศที่บริสุทธิ์ หลังจากที่หาที่จอดรถได้แล้ว ด้านซ้ายมือจะมีจุดบริการดอกไม้ธูปเทียนก็ตามจิตศรัทธา แล้วก็เดินไปทำการสักการะองค์พระแล้วก็ระลึกถึงอำนาจของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยอำนาจบารมีนั้นก็คงส่งผลให้เราประสบความสำเร็จดั่งที่ปรารถนา พอไหว้เสร็จก็เดินวนไปด้านซ้ายดูองค์พระซึ่งใหญ่อลังการมาก วันนี้ท้องฟ้าแดดดี แจ่มใสมาก แต่ร้อนครับ

เสร็จแล้วก็ชิ่งรถไปต่อเลยครับ สถานที่ต่อไปก็คือ วัดถ้ำแสงเพชรครับ หลังจากออกมาจากพระมงคลมิ่งเมืองก็ต้องไปยูเทรินรถกลับมาเข้าเมือง ระยะทางประมาณไม่เกิน 2 กิโลเมตร ก็จะมีถนนเลี่ยงเมืองอำนาจเจริญเราก็เลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอเขมราฐกันเลยครับ ก็ขับรถไปประมาณ ไม่เกิน 20 กิโลเมตรก็จะมีป้ายบอกเลี้ยวซ้ายไปวัดถ้ำแสงเพชร ถ้าเรามี GPS ก็จะสะดวกหน่อยครับ เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตรก็จะถึงทางเข้าวัดถ้ำแสงเพชร แต่ตรงหน้าทางเข้าวัดจะมีสองเส้นทาง ถ้าตรงไปจะเป็นทางเข้าถ้ำแล้วก็สถานที่ปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ ส่วนผมก็ตรงเข้าไปก่อนครับ ทางเข้าจะเป็นไผ่ซึ่งมีต้นไผ่เยอะมากครับ สักพักก็จะขึ้นเขาครับทางขึ้นจะชันสักหน่อยแต่ไม่ไกลมากครับ ช่วงนี้ต้องขับรถระมัดระวังเนื่องจากถนนจะแคบมาก ต้องดูว่ามีรถสวนทางมาไหมแต่ก็ยังมีจุดที่ใช้หลับรถ ก้เป็นการออกแบบที่ดีครับ

พอขึ้นไปถึงที่จอดรถก็จะมีจุดบริการดอกไม้ธูปเทียน ก็นำไปนมัสการองค์พระต่างๆ แล้วก็เดินขึ้นบันไดก็จะถึงถ้ำที่ไม่ลึกมากมีการก่อสร้างทำเป็นสถานที่ ปฏิบัติธรรมของพระ ถ้ำนั้นก็จะมีน้ำย้อยหยุดลงมาอย่างไม่ขาดสายก็ต้องไปชมกันครับ หลังจากนั้นก็ลงมาด้านล่างก็ให้เลี้ยวขวาขึ้นไปบนยอดภูเขา ก็จะเป็นวัดอีกที่หนึ่งแต่ก็คือวัดถ้ำแสงเพชรจะมีพระธาตุ พระนอน ศาลาหลังใหญ่ แล้วก็จุดชมวิวมุมสูงมองไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตาครับเป็นภาพที่ประทับใจมาก

หลังจากออกจากวัดถ้ำแสงเพชรก็ออกมาจากเดิมพอถึงถนนใหญ่ก็ให้เลี้ยวซ้ายครับเดินทางต่อไปประมาณไม่เกิน 20 กิโลเมตร ที่นั้นก็คือ วนอุทยานภูสิงห์ – ภูผาผึ้ง ผมก็ใช้วิธีการตั้ง GPSครับ เจ้าเครื่องนี้ก็สามารถหาเจอครับหลังจากนั้นก็ไปโลดครับ ก็จะมีป้ายบอกให้เราเลี้ยวซ้ายตามป้ายก็เข้าไปจากถนนใหญ่น่าจะ 5 กิโลเมตร ได้ต้องบอกไว้ก่อนครับถนนทางเข้าอาจจะไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบก็เป็นลูกรังบ้าง คอนกรีตบ้าง หินกรวดบ้าง ก็ขับรถด้วยความระมัดระวัง พอถึงทางเข้า วนอุทยานก็จะเป็นทางขึ้นเขาไม่สูงมาก เราก็ขับรถไปตามถนนคอนกรีต ขับขึ้นเขาไปเรื่อยๆจะไปเจอวัดที่อยู่บน วนอุทยาน ภูสิงห์ ภูผาผึ้ง วัดนี้ก็จะเหมือนวัดร้างหน่อยครับ พอดีวันนั้นไปเจอพระพอดีแล้วก็ถามท่านว่ามีพระจำวัดไหม ท่านบอกว่ามีอยู่สองรูป สลับไปสลับมา หลังจากนั้นก็เดินขึ้นบนไดไปจุดชมวิวสูงสุดของวนอุทยาน ก็จะเจอกับวิวด้านบนที่สวยงามครับ วันนี้ฟ้าเปิด ท้องฟ้าสีครามสวยงามมาก ก็รับอารมณ์ ความสดชื่นอย่างเต็มอิ่มก็เดินถ่ายรูป เสร็จแล้วก็เดินทางออกจาก วนอุทยานภูสิงห์ ภูผาผึ้ง ก็ถ้าจะว่าไปก็เป็นวนอุทยานไม่ใหญ่ก็คงเหลือแค่ป่าไม้ที่ต้องปกป้องดูแลจาก ความเห็นแก่ตัวของคน ก็เลยมีการจัดตั้งเป็นวนอุทยานเพื่อปกป้องป่าไม้ครับ


ออกจากวนอุทยานภูสิงห์ ภูผาผึ้งแล้วก็ออกมาเส้นเดิมครับ สถานีต่อไปก็วัดปากแซง หาดชมดาว กิ่งอำเภอนาตาลครับ ก็ระยะทางประมาณ 50 – 60 กิโลเมตรได้ครับ ก็ผ่านอำเภอปทุมราชวงศา อำเภอเขมราฐ เข้าถนนยุทศาสตร์ ก็เป็นถนนเลียบแม่น้ำโขง ต่อไปอาจจะมีการพัฒนาเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงต่อไปครับ ถนนในวันนี้ก็มีที่ทำใหม่บ้างแล้วก็กำลังทำไปด้วย ยังไงก็ต้องขับรถด้วยความระมัดระวังครับ พอถึงวัดปากแซง ก็ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไป จะมีป้ายบอกตลอดทางครับขับรถไม่ยากครับ เข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตรก็ถึงวัดแล้วครับ ก็หาที่จอดรถตามอัธยาศัย ก่อนอื่นก็ไปนมัสการพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อก่อน ครับ ก็เป็นพระพุทธรูปที่ สักสิทธิ์ที่ชาวบ้านกล่าวขานกันมาครับ หลังจากนั้นก็เดินไปท่าน้ำของวัด ด้านหน้าก็เป็นแม่น้ำโขงครับ วันนี้น้ำเริ่มเยอะครับ ทะเลทราย โขนหินเริ่มโดนน้ำท่วมหมดแล้ว ก็เลยได้แค่ภาพท้องน้ำกับท้องฟ้าสีคราม สวยงามเหมือนกันครับ แต่ถ้าเป็นหน้าแล้งเราจะสามารถมองเห็นโขดหินที่คล้ายๆสาม พันโบกได้เลยครับแล้วก็มีทะเลทรายที่เกิดกลางแม่น้ำโขงได้ แต่วันนี้ไม่ได้เห็นแล้วครับ ก็เลยถามชาวบ้านถึงหาดชมดาว ชาวบ้านบอกว่าตอนนี้หาดโดนน้ำท่วมไปแล้ว อีกอย่างมันไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว ชาวบ้านใจดีคนนั้นก็เลยแนะนำให้เดินไปถ่ายรูปตรงจุดโค้งน้ำจะสามารถมองเห็น หาดชมดาวระยะไกลๆได้ ก็เลยไปตามที่ชาวบ้านบอกครับ ก็ได้แค่ท้องน้ำท้องฟ้าก็สวยอีกแบบครับ

หลังจากนั้นก็มาที่รถครับ สถานีต่อไปก็คือไฮไลน์ที่มาในวันนี้ครับ ตลาดถนนคนเดินของอำเภอเขมราฐครับ อำเภอเล็กๆแต่มีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่เคียงคู่เมืองอุบลฯมาตั้งแต่สมัย โบราณแล้วครับก็กลับทางเดิมครับ มุ่งสู่อำเภอเขมราฐ ระยะประมาณไม่เกิน 30 กิโลเมตร ครับก็เลี้ยวขวาเข้าตัวอำเภอเขมราฐ ผมก็ขับรถมาเรื่อยๆ จนมาถึงถนนเลียบชายโขงก็เลยลงไปเก็บภาพทั้งภาพนิ่งและเคลื่อนไหว ก็ใช้เวลาสักพักก็ออกมาเดินตลาดกันครับ ตลาดถนนคนเดินเขมราฐจะไม่มีทุกวัน แต่จะมีในวันเสาร์สัปดาห์ที่สองของเดือนๆนั้น ซึ่งในหนึ่งปีจะมีไม่กี่ครั้งครับ ก็เป็นการจัดงานที่แปลกดีครับ แต่ผมว่าถ้ามีคนเยอะกว่านี้ก็คงจะจัดทุกๆอาทิตย์ก็เป็นได้ สำหรับวันนี้ก็เริ่มมีคนมาเดินกันแล้วครับ สินค้าก็จะเป็นสินค้าแฮนด์เมค ทำเอง ขนมนมเนยหลากหลายมากมาย เสื้อผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของเขมราฐ ด้วยบรรยากาศ บ้านเรือนที่ทำด้วยไม้เรียงเป็นแถวยาวไปตามถนน ทำให้รับรู้ถึงบรรยากาศเก่าๆ อายุของเขมราฐก็เข้าปีที่ 199 แล้วครับอายุเยอะใช้ได้เลยครับถือว่าเป็นตลาดเมืองร้อยปีก็ว่าได้ครับ พอแสงแดดหมดลง แสงสีแสงไฟก็เริ่มเปิดขึ้นมีการตกแต่งด้วยโคมไฟหลากสีสวยงามมากครับ อยากให้ใครที่สนใจมนต์เสน่ห์ริมโขง เมืองเก่ามีประวัติศาสตร์แบบเขมราฐอยากให้มาเยือนเมืองเล็กๆที่สงบสุข เป็นเมืองที่สามารถลดระดับความเร็วการดำรงชีวิตเราได้มาก ทำให้เกิดการผ่อนคลายกับชีวิตได้ ความสุขก็จะมีเยือนคุณ และคุณก็สามารถหาเมืองนั้นได้เมืองที่ชื่อว่า เขมราฐ อุบลราชธานี ขอบคุณทุกๆคนครับ
เรียบเรียง โดย เอฟ ฟอร์ด
รูปภาพ โดย Esanphoto.com

No comments:

Post a Comment